คำสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินกรณีที่ดินทับเขตป่าไม้ถาวร
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง:
- กฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 (ข้อ 10(2), ข้อ 10(3), ข้อ 11, ข้อ 16)
- พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
- ประมวลกฎหมายที่ดิน (มาตรา 57 วรรคหนึ่ง, มาตรา 59, มาตรา 59 ทวิ)
- ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 (ข้อ 92)
เรื่องเด่นคดีปกครองกับทนายพฤกษ์คดีปกครองในตอนนี้เกี่ยวกับความเดือดร้อนของผู้ที่ต้องการออกโฉนดที่ดิน แต่กลับพบว่าที่ดินบางส่วนทับซ้อนกับแนวเขตป่าไม้ถาวร ทำให้เกิดคำถามว่าหน่วยงานใดมีอำนาจที่แท้จริงในการพิจารณาคำขอออกโฉนดที่ดินนี้ และการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
ข้อเท็จจริงคดีนี้ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน 2 แปลงที่ซื้อมาจากบุคคลอื่นต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด หลังจากการรังวัดพบว่าที่ดินมีการรุกล้ำหรือทับแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติและแนวเขตป่าไม้ถาวร จึงมีการตรวจสอบพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแจ้งว่าที่ดินบางส่วนอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดิน ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดในฐานะคณะกรรมการและเลขานุการ ได้ตรวจสอบหลักฐานเดิม เช่น ส.ค. 1 ที่ผู้ครอบครองเดิมเคยใช้เป็นหลักฐานในการขอออก น.ส. 3 ก. พบว่าที่ดินข้างเคียงแจ้งการครอบครองไม่สอดคล้องสัมพันธ์กัน มีร่องรอยการขูดลบสภาพที่ดิน และเมื่อตรวจสอบจากระวางรูปถ่ายทางอากาศในช่วงชั้นปีต่างๆ ก็พบว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวมีสภาพเป็นป่ารกทึบ ไม่ปรากฏร่องรอยการทำประโยชน์ จึงเห็นว่าหลักฐาน ส.ค. 1 ไม่ใช่ที่ดินตามที่ผู้ขอนำมาใช้ประกอบการรังวัดเพื่อขอออก น.ส. 3 ก. ในขณะนั้น ซึ่งถือเป็นการรังวัดที่ดินโดยไม่มีหลักฐาน ทำให้หลักฐาน น.ส. 3 ก. ที่ผู้ฟ้องคดีนำมาใช้เป็นหลักฐานในการรังวัดเพื่อขอออกโฉนดที่ดินไม่ถูกต้อง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดจึงมีคำสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดิน ผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแต่ถูกยกอุทธรณ์ ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาประเด็นสำคัญว่าการที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดมีคำสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลเห็นว่าการออกโฉนดที่ดินทั่วไปเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด แต่สำหรับกรณีที่ที่ดินบางส่วนอยู่ในแนวเขตป่าไม้ถาวรนั้น กฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้กำหนดให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมกันออกไปตรวจพิสูจน์ที่ดิน และเมื่อตรวจพิสูจน์เสร็จแล้ว ให้เสนอความเห็นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดว่าสมควรออกโฉนดที่ดินให้ได้หรือไม่ เพียงใด ซึ่งถือเป็นรูปแบบ ขั้นตอน และวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินในเขตป่าไม้ถาวร และเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะต้องพิจารณาสั่งการ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ว่าราชการจังหวัดได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดิน และคณะกรรมการได้ร่วมกันตรวจสอบที่ดินแล้ว แต่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด (ในฐานะกรรมการและเลขานุการ) ได้ดำเนินการตรวจสอบหลักฐานเดิมและนำผลการตรวจสอบของตนมาพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินเอง โดยที่ยังมิได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดิน และผู้ว่าราชการจังหวัดยังมิได้มีการสั่งการ ตามที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน และวิธีการอันเป็นสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดมีคำสั่งให้ยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินของผู้ฟ้องคดีจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุดจึงพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นที่เพิกถอนคำสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินพิพาท และให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป สำหรับประเด็นที่ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์ว่าศาลปกครองชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยว่าหลักฐานที่ผู้ฟ้องคดีอ้างเป็นเอกสารหลักฐานที่ถูกต้องหรือไม่นั้น ศาลเห็นว่าการวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวเป็นดุลพินิจของผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันมิให้ออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบที่อาจส่งผลกระทบต่อป่าไม้ อันเป็นทรัพยากรธรรมชาติ
โดยสรุป การดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องที่ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินที่เกี่ยวข้องกับเขตป่าไม้ถาวร จะต้องเป็นไปตามรูปแบบ ขั้นตอน และวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด แม้เจ้าพนักงานที่ดินจะมีอำนาจหน้าที่ในการออกโฉนดที่ดินทั่วไป แต่ในกรณีพิเศษที่ที่ดินทับซ้อนกับเขตป่าไม้ถาวร อำนาจในการพิจารณาและสั่งการขั้นสุดท้ายจะอยู่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด หลังจากผ่านกระบวนการตรวจพิสูจน์โดยคณะกรรมการร่วมกัน การดำเนินการที่ข้ามขั้นตอนสำคัญนี้ถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและอาจถูกเพิกถอนได้ในที่สุด เป็นการตอกย้ำถึงหลักกฎหมายปกครองที่เน้นความชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งทางปกครอง และการรักษาสมดุลระหว่างสิทธิของประชาชนกับการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
คำสำคัญ: คดีปกครอง, ที่ดิน, โฉนดที่ดิน, ป่าไม้ถาวร, การยกเลิกคำขอ, อำนาจหน้าที่, ผู้ว่าราชการจังหวัด, เจ้าพนักงานที่ดิน, คณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดิน, ขั้นตอนการปฏิบัติราชการ
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 837/2565
———————————————
ทนายพฤกษ์ คดีปกครอง
– ปรึกษาคดี ติดต่อ 063-6364547
– Line: @prueklaw
สำนักงานกฎหมาย พฤกษ์ แอนด์ พาร์ทเนอร์
สำนักงานทนายความคดีปกครอง ทนายความคดีปกครอง